ส่วนลมนั้นลมประจำฤดูของบ้านเราจะพัดจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งจะพัดพาลมหนาวจากจีนมาในช่วงหน้าหนาว และ จากทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่จะพัดพาความชุ่มชื้นจากทะเลมาในช่วงฤดูร้อนและฤดูฝน บ้านที่ดีด้านยาวของบ้านจึงควรหันเข้าหาทิศทางลมเพื่อให้ลมธรรมชาติพัดเข้าตัวบ้านเพื่อระบายความร้อนออกไปให้ได้มากที่สุดและส่งผลให้ประหยัดค่าไฟฟ้าสำหรับเครื่องปรับอากาศภายในบ้านเป็นต้น
4. รูปแบบและราคาประเมินการก่อสร้างบ้าน รูปแบบบ้านมีหลากหลายแบบให้เลือกตามรสนิยมและความชอบส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย ตั้งแต่รูปแบบที่มีความซับซ้อนมากอย่างแบบ บ้านเรือนไทยของเราเองที่มีความซับซ้อนทั้งรูปแบบและขั้นตอนในการก่อสร้างที่ต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญสูงมาก หรือแบบเรียบง่ายสมัยใหม่แบบ Modern Style ที่ไม่ได้มีความซับซ้อนมากนักแต่เน้นความเนียบเป็นหลัก เรื่องกระบวนการก่อสร้างนี้แหละที่ทำให้บ้านแต่ละรูปแบบบ้านราคาค่าตัวที่แตกต่างกันออกไป
5. ความต้องการพื้นฐานของเจ้าของบ้าน การที่เราจะสร้างบ้านซักหลังนั้น เราจำเป็นต้องรู้ซะก่อนว่าเราต้องการอะไร?? บ้านหลังใหญ่แค่ไหน อยู่กันกี่คน มีผู้สูงอายุไหม ต้องการรูปแบบบ้านแบบไหน มีรถยนต์กี่คัน ต้องการห้องนั้งเล่นใหญ่ๆ หรือ ต้องการห้องน้ำแบบใหญ่โตโอลาน หรือไม่ ….บลาๆๆๆๆ ทั้งหมดนั้นเราเรียกว่าความต้องการพื้นฐานในการออกแบบบ้านครับ เราต้องตอบตัวเองกับเรื่องเหล่านี้ให้ได้ก่อนจึงจะสามารถให้ผู้ออกแบบสร้างบ้านในฝันออกมาตามความต้องการเราได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง อาจทำเป็นเช็คลิสต์ ง่ายๆ ไปเดินดูบ้านตัวอย่างตามโครงการก็ได้ ชอบอะไรก็จดไว้ ไม่ต้องรีบเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆแล้วค่อยๆสรุปออกมาเป็นข้อๆให้ผู้ออกแบบ ในขั้นตอนการออกแบบเบื้องต้น
6. การวางตำแหน่งห้องต่างๆ เคยสงสัยกันไหมครับ ว่าทำไมเข้าบ้านต้องเจอห้องรับแขกก่อนทำไมไม่เข้ามาแล้วเจอห้องนอนเลยนะมันคงดีเนอะ แต่ถ้าขืนทำแบบนั้นจริงๆ ก็คงจะโดนใครต่อใครประณามได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ถ้าเราทำแบบนั้นกับคอนโดกลับมองว่ามันก็ปกติก็ห้องมันมีพื้นที่จำกัดนี้ครับ สำหรับบ้านแล้วเราควรเข้าบ้านมาเจอห้องโถงหรือห้องรับแขกก่อนแล้วจึงแยกออกไปเป็นห้องนอน ห้องอาหาร และ ครัว รวมถึงห้องน้ำที่ต้องเข้าถึงง่ายแต่มิดชิด
การวางผังบ้านแบบนี้เราจะเรียกว่าการจัดโซนนิ่งบ้าน โดยเราจะแบ่งเป็น
– ส่วนสาธารณะ เช่น โถงทางเข้า ห้องรับแขก ห้องทานอาหาร เป็นต้น ห้องเหล่านี้ทุกคนในบ้านรวมทั้งแขกที่มาบ้านจะสามารถเข้าถึงได้เหมือนๆกัน
– ส่วนกึ่งสาธารณะ เช่น ห้องคาราโอเกะ ห้องนั้งเล่น ห้องพระ เป็นต้น ห้องเหล่านี้ทุกคนในบ้านเท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงได้
– ส่วนที่เป็นส่วนตัว เช่น ห้องนอน ห้องทำงาน เป็นต้น ห้องเหล่านี้มีเพียงเจ้าของห้องและสมาชิคบางคนเท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงได้เพราะมีความเป็นส่วนตัวสูง
7. ทิศทางการวางบันได ถ้ามองเรื่องนี้ในแง่ของฮวงจุ้ย เค้าก็จะบอกว่าอย่าหันบันไดบ้านไปทางทิศตะวันตกเพราะเป็นทิศที่เกียวกับคนตายและสิ่งอัปมงคลทั้งหลายทั้งปวงใครขืนหันบันไดไปทางนี้เอาว่าไม่ซวยอย่างไดก็อย่างนึงว่างั้น แต่ถ้าว่ากันตามหลักการออกแบบแล้วก็ไม่แนะนำให้หันบันไดไปทางทิศตะวันตกเช่นกันเนื่องจากทิศตะวันตกเป็นทิศที่มีแสงบ่ายค่อนข้างแรงอาจทำให้การใช้งานบันไดที่มีแสงบ่ายส่องตาอาจทำให้เจ้าของบ้านแสบตาจนอาจเกิดอุบัติเหตุได้นั้นเอง แต่ถ้าจำเป็นต้องวางก็ไม่ควรให้ผนังด้านที่บันไดมุ่งไปหานั้นมีแสงส่องผ่านมาได้ โดยอาจเปลี่ยนเป็นการนำแสงธรรมชาติลงมาจากด้านบนเพดานแทนก็ได้
8. ความสูงลูกตั้ง ลูกนอน และ จำนวนขั้นบันได เรื่องของความสูงของลูกตั้งลูกนอนบันไดนั้นมีข้อกำหนดอยู่แล้วในกฎกระทรวง ฉบับที่ 55 ผู้ออกแบบทุกท่านทราบเป็นอย่างดี คือลูกตั้งไม่ควรสูงเกิน 20 ซม และกว้างไม่น้อยกว่า 22 ซม.ตัวเลขดังกล่าวใช้สำหรับบ้านพักอาศัยทั้วไป ซึงเป็นความสูงและความกว้างที่ผ่านการศึกษามาแล้วว่าเหมาะสมที่สุด ส่วนจำนวนขั้นบันไดนั้นไม่ได้มีกฏหมายกำหนดไว้ แต่ตามความเชื่อของคนไทยคือบันไดต้องจบที่เลข คี่ เนื่องจาก เลขคี่เป็นเลขของคนเป็น ส่วนเลขคู่นั้นถือว่าเป็นเลขของคนตายนั้นเอง แต่ในความเป็นจริงควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่งมากกว่า
9. จะเผื่อความสูงฝ้าเพดานไว้เท่าไหร่ดี โดยปกติความสูงฝ้าโดยทั้งไป(วัดจากระดับพื้นถึงท้องฝ้า)ควรจะสูงไม่น้อยกว่า 2.40 ม.ซึ่งเป็นความสูงที่กำลังสบายไม่อึดอัดหรือรู้สึกโดนกด และประหยัดด้วย เอะ!ยังไง…..มันประหยัดยังไงกัน คำตอบก็คือปัจจุบันวัสดุกรุผนังส่วนใหญ่จะทำออกมาที่ตัวเลขรวมได้ 2.40 พอดีเช่น กระเบื้องขนาด 30ซม x 30ซม หากปู 8 แถวก็จะได้ความสูง 2.40 พอดี เพราะถ้าเราปูแค่ 7 แถวก็จะได้ความสูงฝ้าแค่ 2.10 ม.ซึ่งเป็นระดับฝ้าที่เตี้ยเกินไปนั้นเอง และยังทำให้กระเบื้องไม่เหลือเศษทิ้งให้เสียของ หากต้องกรุในปริมาณมากๆก็ช่วยลดงบในการซื้อวัสดุกรุผนังลงได้อีกเยอะเป็นต้น
10. ทิศทางการเปิดประตูภายในบ้าน อะไรนะเรื่องแบบนี้ก็ต้องมีหลักการด้วยเหรอมันจะเวอร์ไปไหม ตอบได้ครับว่ามันสำคัณมาก เพราะถ้าเราติดตั้งประตูผิดทางอาจทำให้น้ำท่วมบ้านกันได้เลยทีเดียวนะครับ จะหาว่าไม่เตือน
เริ่มกันจากประตูหน้าบ้าน ประตูหน้าบ้านด้านที่จะต้องโดนแดดโดนฝนหรือฝนสาด จะต้องเปิดออกนอกบ้านเท่านั้น เพราะการเปิดออกจะบังคับให้บังใบของวงกบประตูเป็นตัวกันน้ำที่จะเข้าบ้านไปโดยปริยายและควรลดระดับพื้นที่ขอบล่างของประตูลงซัก 1 ซม เพื่อกันน้ำย้อนเข้าบ้านนั้นเอง และที่สำคัญคือประตูหน้าบ้านควรกว้างอย่างน้อย 90 ซม เพื่อเผื่อไว้สำหรับตอนขนของชิ้นใหญ่ๆ เข้าบ้านยิ่งเป็นประตูเปิดคู่ยิ่งดีเลย